วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2561

ซานดิอาโก ซากแห่งประวัติศาตร์ของเมืองมะนิลา

"ปูชนียสถานแห่งเสรีภาพ"

ภาพจาก https://i.pinimg.com/564x/96/be/f4/96bef4cced1bf91830bdbdc17d466f19.jpg



สวัสดีค่ะ กลับมาพบกันอีกครั้งกับบล็อกมือใหม่ หน้ากลมคนเดิมคนนี้ วันนี้เรามีสถานที่พิเศษๆที่อยากจะแนะนำกับทุกคน สืบเนื่องมาจากการที่ได้อ่านเกี่ยวกับประวัติศาสตร์อาณานิคมของฟิลิปปินส์มา จึงทำให้อยากจะเสนอสถานที่ที่เป็นเหมือนสิ่งที่ประเทศอาณานิคมได้สร้างเอาไว้ ซึ่งมีการนำศิลปะแบบตะวันตก และความเชื่อต่อศาสนาของประเทศเจ้าอาณานิคมนั่นมาผสานไว้ด้วย

หลายคนคงทราบกันดีว่าฟิลิปปินส์เป็นประเทศทหมู่เกาะที่มีทะเล ภูเขา ชายหาด เกาะต่างๆที่สวยงามตามธรรมชาติ แต่วันนี้เราจะพาไปรู้จักกับปูชนียสถานแห่งเสรีภาพของฟิลิปปินส์ 
  




ฟิลิปปินส์ ประเทศแรกที่ได้รับการปลดปล่อยจากประเทศชาติตะวันตก ซึ่งหากย้อนกลับไปในช่วงยุคสมัยอาณานิคม ฟิลิปปินส์ตกเป็นอาณานิคมของชาติตะวันตกถึง 2ชาติ คือสเปนและสหรัฐอเมริกา ซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของสเปนเป็นเวลา 327 ปี และอยู่ภายใต้การปกครองของสหรัฐฯ 48 ปี รวมเป็นเวลา 375 ปีเลยทีเดียว ก่อนจะได้ประกาศอิสรภาพปีค.ศ. 1946 ดังนั้นประเทศฟิลิปปินส์ถือว่า มีประวัติศาสตร์ที่ชาติอาณานิคมได้สร้างเอาไว้ซึ่งน่าสนใจอยู่เหมือนกัน



ภาพจาก https://ak6.picdn.net/shutterstock/videos/7141216/thumb/1.jpg?i10c=img.resize(height:160)


โดยในครั้งนี้ ขอเสนอ ซากแห่งประวัติศาสตร์ของฟิลิปปินส์หรือป้อมปราการซานติอาโก (Fort Santiago) ตั้งอยู่ที่เมืองมะนิลา เมืองหลวงของฟิลิปปินส์


แผนที่ Fort Santiago




🔺🔺🔺🔺🔺🔺🔺🔺🔺🔺

ภาพจาก  https://images.fineartamerica.com/images-medium-large-5/evening-on-fort-santiago-manila-intramuros-philippines-fototrav-print.jpg

🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻



ป้อมซานติอาโก นับเป็นป้อมปราการของสเปนที่เก่าแก่ที่สุดในฟิลิปปินส์ ป้อมนี้นับเป็นด่านแรกที่ป้องกันการโจมตีจากข้าศึกที่เข้ามาทางปากอ่าวมะนิลา ป้อมปราการแห่งนี้เป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมที่สวยงามจากยุคอาณานิคมของสเปน ป้อมปราการขนาดใหญ่นี้ถูกสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1571


ความเป็นมา



ป้อมปราการซานติอาโกซึ่งอยู่ทางเหนือของเมืองอินทรามูรอส แต่เดิมเป็นที่ตั้งป้อมของสุลต่านสุไลมาน ต่อมาในปีคริสต์ศตวรรษ1571 ชาวสเปนสถาปนาเมืองมะนิลาขึ้นเป็นเมืองหลวงใหม่ของฟิลิปปินส์ และในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 16ได้สร้างป้อมซานติอาโกขึ้นใหม่โดยใช้หิน  ต่อมาในคริสต์ศตวรรษที่18 มีการสร้างป้อมอุทิศให้กับเซนต์เจมส์ นักบุญผู้อุปถัมภ์ประเทศสเปน


ภาพจาก https://i.pinimg.com/564x/d9/43/07/d94307f8c532282d68e482720858bba4.jpg

🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻

ประเภทงานศิลปะด้านสถาปัตยกรรม แบบตะวันตก 

รูปแบบของศิลปกรรม เป็นแบบอาคาร ตั้งแต่สมัยก่อนพุทธศตวรรษที่19 ของศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาธอริค

ที่น่าสนใจต่อมาก็คือประติมากรรมรูปสลักที่เซนต์เจมส์ขี่ม้าเหยียบอยู่บนแขกมัวร์ มีเรื่องเล่ามาว่า เซนต์เจมส์หนึ่งในอัครสาวกของพระเยซูและนักบุญผู้อุปถัมส์ประเทศสเปน เนื่องจากสเปนเคยปกครองฟิลิปปินส์ จึงมีการใช้ภาพนักบุญองค์นี้ประดับประตูของป้อมซานติอาโก กล่าวคือ สเปนเคยตกอยู่ภายใต้แขกมัวร์คือที่นับถือศาสนาอิสลาม แต่ต่อมาชาวคริสต์สามารถปราบปรามแขกมัร์ลงได้ ด้วยเหตุนี้ชาวคริสต์ในสเปนจึงยกย่องท่านเป็นนักบุญผู้ปกปักรักษาประเทศสเปน และได้สลักเรื่องราวดังกล่าวไว้ที่ซุ้มประตูทางเข้า


ภาพจาก http://www.sac.or.th/databases/seaarts/media/k2/items/cache/d4b22e8d4b1fb6349c7d95bc5629e3c0_XL.jpg

🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻


ซึ่งป้อมแห่งนี้ถูกใช้เป็นที่คุมขังนักโทษมานานนับปีและยังเป็นที่กักขังวีรบุรุษแห่งชาติอย่าง
โฮเซ่ ริซัล(Rizal) ผู้ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญที่ต่อต้านสเปนเพื่อเรียกร้องเอกราชแก่ฟิลิปปินส์ ก่อนจะถูกสังหารในที่สุด ซึ่งภายในป้อมมีการจัดแสดงประวัติ หุ่นจำลองและผลงานต่างๆของโฮเซ่ ริซัลด้วย และนอกจากนี้ยังเป็นที่กักขังเหล่านักรบเสรีภาพ ในช่วงการทำสงครามระหว่างการยึดครองของญี่ปุ่น




                             
โฮเซ่ ริซัล นักเขียนและวีรบุรุษคนสำคัญของฟิลิปปินส์ในการต่อสู้เพื่อเรียกร้องเอกราชจากสเปน
ภาพจาก http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/518/6518/images/Jose/rizala.jpg


ต่อมาประตูแห่งนี้ถูกทำลายในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง จากการโจมตีของกองทัพสหรัฐอเมริกา ต่อมาในปลายศตวรรษที่20ได้รับการบูรณะซ่อมแซมเพื่อให้เป็น"ปูชนียสถานแห่งเสรีภาพ"



จะเห็นได้ประเทศฟิลิปปินส์ไม่ได้มีความโดดเด่นเพียงเกาะ ทะเลที่สวยงาม แต่ยังมีร่องรอยทางประวัติศาสตร์ที่ประเทศเจ้าอาณานิคมได้ทำไว้ ทำให้คนรุ่นหลังได้ระลึกถึงและได้ศึกษาจากสถานที่ดังกล่าวเพราะเรื่องราวของประเทศฟิลิปปินส์ในช่วงอาณานิคมถือว่าสาหัสพอสมควร ดังนั้นคุณไม่ควรจะพลาดซากแห่งประวัติศาสตร์ "ป้อมปราการซานดิอาโก"











บรรณานุกรม

เชษฐ์ ติงสัญชลี.(ม.ป.ป.).ป้อมซานติอาโก.23 กันยายน 2561.จาก http://art-in-sea.com/th/data/philippines/มะนิลา-manila/item/535-manila-02.html

เชษฐ์ ติงสัญชลี.(ม.ป.ป.).เซนต์เจมส์ ปราบแขกมัวร์ ประตูซานติอาโก.23 กันยายน 2561.จาก http://art-in-sea.com/th/data/philippines/มะนิลา-manila/item/536-manila-03.html

เชษฐ์ ติงสัญชลี.(ม.ป.ป.).โบสถ์ซานออกุสติน.23 กันยายน 2561.จาก http://www.sac.or.th/databases/seaarts/th/architectureth/ฟิลิปปินส์/item/292-โบสถ์ซานออกุสติน.html

เชษฐ์ ติงสัญชลี.(ม.ป.ป.).เซนต์เจมส์ย่ำยีพวกมัวร์.23 กันยายน 2561.จาก http://www.sac.or.th/databases/seaarts/th/sculptureth/ฟิลิปปินส์/item/533-เซนต์เจมส์ย่ำยีพวกมัวร์.html

อัญชกา แก้วสกด.(ม.ป.ป.).ป้อมซานติเอโก.23 กันยายน 2561.จาก https://sites.google.com/site/xaychnakaewskd/pxm-san-ti-xe-ko-fort-santiago-prathes-filippins


วันจันทร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2561

หลง มนต์วัดเชียงทอง

"อัญมณีแห่งศิลปะล้านช้าง"


ภาพจาก http://www.modernpublishing.co.th/wp-content/uploads/2013/06/1364784896.gif.jpg

ประเทศลาว เป็นที่ประเทศเพื่อนบ้านที่มีวัดมากมายที่สวยงามไม่แพ้ประเทศไทย ซึ่งวันนี้บล็อกเกอร์มือใหม่ หน้ากลมคนเดิม ขอเสนอวัดเชียงทองซึ่งเป็นวัดที่มีความเก่าแก่ของหลวงพระบาง มีความงดงามมากที่สุด จนได้รับการยกย่องว่าเป็นอัญมณีแห่งศิลปะล้านช้าง




วัดเชียงทองตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของตัวเมืองหลวงพระบาง ใกล้บริเวณแม่น้ำคานไหลมาบรรจบกับแม่น้ำโขง หรือตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวงพระบาง ประเทศลาว






วัดเชียงทองถูกสร้างขึ้นในปีพุทธศักราช2102-2103 สมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ก่อนที่พระองค์จะย้ายเมืองหลวงไปนครเวียงจันทร์ วัดนี้ถือเป็นประตูเมือง และยังเป็นท่าเทียบเรือด้านเหนือ สำหรับการเสด็จทางชลมารคของพระมหากษัตริย์ วัดเชียงทองแห่งนี้ยังได้รับการอุปถัมภ์จากเจ้ามหาชาติศรีสว่างวงศ์ และเจ้ามหาชาติศรีสว่างวัฒนา กษัตริย์สองพระองค์สุดท้ายของประเทศลาว

⧪⧪⧪⧪⧪

พระอุโบสถ ในภาษาลาวเรียกว่า"สิม"
พระอุโบสถ มีที่มาจาก"สีมา" แต่เรียกย่อๆว่า "สิม" เป็นสถานที่ที่เป็นขอบเขตศักดิ์สิทธิ์สำหรับพระสงฆ์ในการทำสังฆกรรม ต่อมากลายเป็นอาคารประธานของวัด ซึ่งในสมัยล้านช้าง วัดสำคัญๆจะมีเจดีย์หรือธาตุขนาดใหญ่เป็นประธาน โดยมีสิมตั้งอยู่หน้าเจดีย์

สิมวัดเชียงทองได้รับการยกย่องให้เป็นอัญมณีแห่งศิลปะลาว ต่อมาได้กลายเป็นต้นแบบสถาปัตยกรรมที่สร้างขึ้นในรุ่นหลัง สิมเป็นพระอุโบสถหลังไม่ใหญ่โตมากนัก รูปแบบสิม คือ มีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ก่อด้วยอิฐครึ่งหนึ่งและปูนครึ่งหนึ่ง มีการเจาะช่องแสง หลังคาซ้อนกันหลายชั้น มีชายคาที่แผ่กว้างและอ่อนโค้ง คลุมลงมาเกือบถึงพื้น แล้วโค้งงอนขึ้น  ด้วยหลังคาที่แอ่นโค้งซ้อนกันสามชั้น ลดหลั่นเกือบจรดฐาน ส่วนกลางของหลังคามีเครื่องยอดสีทอง ซึ่งประเทศลาวจะเรียกว่า "ช่อฟ้า" ประกอบด้วย17ช่อ ซึ่งจะหมายความว่าเป็นสิมที่พระมหากษัตริย์ทรงสร้างขึ้น ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของสิมแบบหลวงพระบาง

ภาพจาก http://www.isangate.com/new/images/art-culture/wat/sim_chawfah_01.jpg

ภาพจาก http://www.modernpublishing.co.th/wp-content/uploads/2013/06/26269-9.jpg
ช่อฟ้า 17 ช่อ


ศิลปะลาวส่วนใหญ่นิยมทำเป็นลายดอกไม้ และก้านขด สำหรับผนังภายใน รวมถึงผนังสกัดด้านนอกประดับลายฟอกคำเป็นเรื่องพุทธประวัติ และที่บริเวณด้านผนังสกัดหลังมีการประดับกระจกเป็นรูปต้นทอง ซึ่งเป็นความเชื่อดั้งเดิมเรื่องการสร้างเมืองเชียงดง เชียงทอง ด้านบนเป็นภาพพระพุทธเจ้าเสด็จลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์

ภาพจาก http://www.oknation.net/blog/home/user_data/file_data/201609/02/6674047c4.jpg
ต้นไม้กระจกประดับสีด้านหลังสิมวัดเชียงทอง
การประดับกระจกบนผนัง เป็นความนิยมในการตกแต่งผนังภายนอกอาคาร ในศิลปะล้านช้างสกุลช่างหลวงพระบาทราวพุทธศตวรรษที่25 และในพุทธศาสนาเถรวาท ภาพต้นไม้ประดับที่อุโบสถ หมายถึงต้นโพธิ์ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า

ภาพจาก http://www.sac.or.th/databases/seaarts/media/k2/items/cache/6ddb2450462828abf9aabc88d6bfb7fe_XL.jpg
ลายคำประดับผนังด้านนอกสิมวัดเชียงทอง

จากภาพลายคำแสดงถึงหม้อน้ำแห่งความสมบูรณ์ซึ่งปรากฏมาตั้งแต่ในศิลปะอินเดีย หม้อน้ำนี้เป็นลายจิตรกรรมที่ปรากฏในล้านนาและล้านช้าง ด้านของของประตูปรากฏทวารบาลซึ่งถือดอกโบตั๋น ที่สื่อถึงการบูชาพระพุทธเจ้าที่ประทับอยู่ในตัวอาคาร

นอกจากพระอุโบสถ หรือสิม ยังมีวิหารน้อย 2หลังคือด้านข้างและด้านหลังของสิม ซึ่งวิหารน้อยด้านหลังของสิมเป็นหอพระม่าน ที่มีพระม่านประดิษฐานอยู่ และโรงเมี้ยนโกศ อาคารทรงโบราณมีลวดลายแกะสลักทาสีทองอร่ามขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นโรงเก็บพระโกศ,พระราชรถ,ราชยานของพระเจ้าชีวิตศรีสว่างวัฒนา


ภาพจาก http://www.sac.or.th/databases/seaarts/media/k2/items/cache/e303e2027514497aaa0603a129a3eb42_XL.jpg
โรงเมี้ยน
ภาพจาก https://f.ptcdn.info/619/055/000/p2fekvpw40QCortySMx-o.jpg
พระม่าน ภายในวิหารพระม่าน
หอพระม่านตั้งอยู่ด้านหลังของพระอุโบสถ สร้างขึ้นในพ.ศ. 2493 สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองที่ก้าวเข้าสู่ยุคกึ่งพระพุทธกาล ผนังวิหารด้านนอกมีลักษณะคล้ายกับวิหารองค์แรก 

ภายในวิหารนี้ประดิษฐาน พระม่าน ซึ่งถือเป็นพระพุทธรูปสำคัญองค์หนึ่งในสามองค์ของเมืองหลวงพระบาง (อีกสององค์คือ พระบางและพระเจ้าองค์แสน) ชาวลาวเชื่อกันว่าใครที่มาบนบานขอลูกกับพระม่านจะได้ผลทุกราย

ในช่วงวันขึ้นปีใหม่ของลาว(ช่วงวันสงกรานต์) จะมีการอัญเชิญพระม่านลงมาเพื่อให้ประชาชนได้สรงน้ำและกราบไหว้


⧫⧫⧫⧫⧫


จะเห็นได้วัดเชียงทองนั้นมีอายุราวช่วงพุทธศตวรรษที่21-22 แต่ยังได้รับการบูรณะใหม่เรื่อยๆ ทำให้เห็นความสำคัญของอิทธิพลของศาสนาพุทธ และการเอาใจใส่ที่คอยทำนุบำรุงศาสนาของพระมหากษัตริย์ และถึงแม้จะผ่านมาหลายพุทธศตวรรษและคนรุ่นหลังก็ยังช่วยกันรักษามรดกทางศิลปะนี้เอาไว้

สำหรับท่านใดที่กำลังมองหาสถานที่ที่อยากจะพาครอบครัวไปไหว้พระเก้าวัด หรือว่ากำลังจะไปท่องเที่ยวที่ประะเทศลาว บล็อกเกอร์มือใหม่คนนี้อยากแนะนำให้ไปวัดเชียงทอง วัดศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของประเทศลาวที่ครั้งหนึ่งควรไปสักการะเพื่อเป็นมงคลชีวิต (ซึ่งเป็นความเชื่อส่วนบุคคล) จัดลงไปในแพลนเพิ่มด้วย เพราะความสวยงามของสถาปัตยกรรมจะทำให้ท่านหลง มนต์วัดเชียงทองจนติดใจ อยากจะขอกลับไปอีกครั้งแน่นอนค่ะ
10/09/2561




บรรณานุกรม

เชษฐ์ ติงสัญชลี.(ม.ป.ป.).ลายคำประดับหอด้านนอกสิมวัดเชียงทอง.10 กันยายน 2561.จาก http://www.sac.or.th/databases/seaarts/th/paintingth/laosth/item/360-ลายคำประดับหอด้านนอกสิมวัดเชียงทอง.html

เชษฐ์ ติงสัญชลี.(ม.ป.ป.).เจดีย์จุฬามณี ลายคำประดับผนังด้านในสิมวัดเชียงทอง.10 กันยายน 2561.จาก http://www.sac.or.th/databases/seaarts/th/paintingth/laosth/item/361-เจดีย์จุฬามณีลายคำประดับผนังด้านในสิมวัดเชียงทอง.html

เชษฐ์ ติงสัญชลี.(ม.ป.ป.).ต้นไม้กระจกประดับสีด้านหลังสิมวัดเชียงทอง.10 กันยายน 2561.จาก http://www.sac.or.th/databases/seaarts/th/paintingth/laosth/item/359-ต้นไม้กระจกประดับสีด้านหลังสิมวัดเชียงทอง.html

วิกิพีเดีย.วัดเชียงทอง.10 กันยายน 2561.จาก https://th.wikipedia.org/wiki/วัดเชียงทอง

ศักดิ์ชัย สายสิงห์.(2556).วัดเชียงทอง.10 กันยายน 2561.จาก http://art-in-sea.com/th/data/lao-art/lao-art/itemlist/category/164-wat-chieng-thong.html 

ศักดิ์ชัย สายสิงห์.(2556).สิม.10 กันยายน 2561.จาก http://art-in-sea.com/th/data/lao-art/lao-art/item/441-sim_art1.html

ศิลปะล้านช้าง.(2558).ประวัติพระม่าน.10 กันยายน 2561.จากhttps://www.facebook.com/SilpaLanChang/posts/ประวัติพระม่าน-ຫຼວງພະບາງประวัติพระม่านเพี้ยนมาจากคำว่าพม่าเรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อ/1160245167332592/

หลวงพระบาง.(ม.ป.ป.).วัดเชียงทองราชะวรวิหาร.10 กันยายน 2561.จาก http://www.louangprabang.net/content.asp?id=89

โอเชี่ยนสไมล์.(ม.ป.ป.).วัดเชียงทอง.10 กันยายน 2561.จาก http://www.oceansmile.com/Lao/ChaingtongWat.htm

วัดเชียงควน